หลายครั้งที่อุบัติเหตุทางน้ำ ทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ และหนึ่งในนั้นก็คือความประมาท จากข่าวที่มีดาราสาวพลัดตกจากเรือ และได้รับบาดเจ็บ จนเป็นเหตุให้จมน้ำเสียชีวิต บทความนี้จึงมีวิธีเอาตัวรอดจากการจมน้ำมาฝากทุกคน ให้ได้รู้และจดจำนำไปใช้ เมื่อต้องเดินทางโดยสารทางเรือ เพื่อลดความสูญเสีย และผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ หากเกิดอุบัติเหตุพลัดตกเรือ ตกน้ำ หรือจมน้ำ โดยวิธีป้องกันใสามารถทำตามวิธีการดังต่อไปนี้
สิ่งที่ควรทำขณะโดยสารทางเรือ
1.สวมชูชีพทุกครั้งขณะอยู่บนเรือ
ในขณะที่หลายคนอาจไม่คิดว่า เสื้อชูชีพ เป็นสิ่งจำเป็น หรืออาศัยเดินทางในเวลาไม่นาน จึงเกิดความประมาท และไม่ได้สวมเสื้อชูชีพ แต่คำว่า อุบัติเหตุ คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด จึงไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ หรือจะเกิดขึ้นตอนไหน ดังนั้น หากเกิดกรณีที่พลัดตกน้ำด้วยสาเหตุใดก็ตาม เสื้อชูชีพจะช่วยพยุงตัวเราให้อยู่ในน้ำได้นานประมาณ 2-6 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นเสื้อชูชีพคุณภาพดี จะยิ่งมีประสิทธิภาพที่อาจช่วยให้ลอยตัวอยู่ได้นานขึ้น และการสวมชูชีพ ควรสวมชูชีพสีสดๆ เพราะสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย และอย่าเพียงแค่สวมไว้เฉยๆ แต่ควรล็อกทุกจุดให้ครบ
2.ผู้โดยสารควรกระจายการนั่ง เพื่อถ่ายเทน้ำหนักให้เรือมีความสมดุล
เมื่อมีการโดยสารเรือ หรือนั่งเรือกันหลายคน ผู้โดยสารควรกระจายน้ำหนักในการนั่งเรืออย่างสมดุล ไม่ไปยืนที่บริเวณกราบเรือ หรือท้ายเรือ โดยเฉพาะเรือขนาดเล็ก อาทิเช่น เรือสปีดโบ๊ต เพราะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการพลัดตกเรือและตกน้ำได้ง่าย เมื่อเรือโคลงเคลง อย่าตื่นลนลาน แต่ให้จับยึดพนักเรือ หรือวัตุถบนเรือที่แข็งแรงไว้ให้มั่น เพื่อการทรงตัวให้มากที่สุด
วิธีเอาตัวรอดเมื่อเกิดเหตุตกน้ำ ตกจากเรือ เรือล่ม
1.ตั้งสติ
รีบตั้งสติ อย่าตกใจจนลนลาน เพราะสาเหตุส่วนใหญ่ที่คนจมน้ำเสียชีวิต มักเกิดจากความตื่นตระหนก กลัวจะจมน้ำตาย จึงพยายามตะเกียกตะกายให้อยู่ผิวน้ำ ในการที่จะหายใจ ซึ่งจะทำให้หมดแรง และเป็นการเร่งให้จมน้ำเร็วขึ้น
2.ว่ายน้ำออกจากตัวเรือให้เร็วที่สุด
หากพลัดตกจากเรือ หรือเรือโดยสารล่ม รีบว่ายน้ำออกห่างจากเรือโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสน้ำดูดเข้าไปใต้ท้องเรือ ปลดเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับที่ถ่วงน้ำหนักออก และให้มองหาสิ่งของที่ลอยน้ำได้ แล้วคว้ายึดเกาะไว้ อย่าฝืนว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง เพราะอาจหมดแรง หรือเป็นตะคริวระหว่างว่ายน้ำได้ และควรส่งสัญญาณให้คนอื่นรู้ว่ากำลังประสบภัย ดังนี้
- ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
- เป่านกหวีดที่ติดมากับเสื้อชูชีพ
- ทำสัญลักษณ์โบกมือขึ้น-ลงเหนือศีรษะ
3.พยายามพยุงตัวให้ลอยตัวอยู่ในน้ำ
การลอยตัวในน้ำ จะเป็นประโยชน์มากในการเอาตัวรอดจากการจมน้ำ ที่ทุกคนสามารถทำได้ รวมถึงคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เพียงแค่ให้มีสติและพยายามพยุงตัวลอยน้ำ เพื่อรอความช่วยเหลือ ซึ่งวิธีลอยตัวในน้ำ สามารถทำได้โดยใช้แขนและขาทั้ง 2 ข้างตีน้ำไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
วิธีลอยตัวในน้ำแบบที่ 1 : นอนหงายโดยให้ปากและจมูกโผล่พ้นน้ำให้มากที่สุด เพื่อหายใจเอาอากาศเข้าปอดได้ ยิ่งเอาออกซิเจนเข้าปอดได้มาก ปอดจะทำหน้าที่เหมือนเป็นชูชีพ พยุงเราไม่ให้จมน้ำ อย่าเกร็งตัว จากนั้นให้ใช้มือทั้ง 2 ข้าง พุ้ยน้ำเบาๆ ส่วนขาทั้ง 2 ข้าง ให้ถีบน้ำเหมือนท่าของกบ พยุงตัวลอยไปเรื่อยๆ เพื่อรอความช่วยเหลือ แต่ถ้าหากน้ำมีคลื่นแรง หรือน้ำเชี่ยว ให้เปลี่ยนเป็นลอยคว่ำหน้า อย่าเกร็งตัว เงยหน้าขึ้นมาสูดอากาศเข้าปอดเป็นครั้งคราว ซึ่งวิธีเหล่านี้คนว่ายน้ำไม่เป็นก็สามารถทำได้
วิธีลอยตัวในน้ำแบบที่ 2 : ลอยตัวในน้ำโดยนอนนิ่งๆ อยู่กับที่ ให้ศีรษะอยู่พ้นน้ำ ใช้แขนทั้ง 2 ข้าง กดลงน้ำแล้วกวาดออกไปด้านข้าง ดึงแขนกลับมาแล้วกดลงน้ำซ้ำอีกครั้ง คล้ายๆการวาดเลขแปดในน้ำ พร้อมกับถีบขาเบาๆ แบบไม่พับเข่ามากนัก ท่านี้จะทำให้เราสามารถยกแขนขึ้นเพื่อโบกมือขอความช่วยเหลือได้ด้วย หรือการลอยตัวนอนหงาย กางแขน-ขาออก เหมือนปลาดาว พยายามลอยตัวให้ได้นานมากที่สุด
4.คนที่ว่ายน้ำเป็น อย่าว่ายทวนน้ำเด็ดขาด
การว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำในทะเล หรือว่ายน้ำในแม่น้ำ ยิ่งแม่น้ำที่มีความกล้างและลึก ควรว่ายตามแนวคลื่นเพื่อพยายามเข้าใกล้ฝั่ง หรือตลิ่งให้มากที่สุด ไม่ควรว่ายน้ำสวนทิศทางน้ำเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้หมดแรงได้ง่าย และให้หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง จำพวกพืชน้ำ ผักตบชวา และเศษขยะต่างๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะยิ่งทำให้ว่ายน้ำได้ยากกว่าเดิม อีกทั้งไม่ควรเข้าใกล้สะพาน เพราะมักเป็นจุดที่มีกระแสน้ำวน
วิธีแก้เมื่อเป็นตะคริว
เมื่อว่ายน้ำนานๆ หรือเมื่อร่างกายต้องแช่อยู่ในน้ำนานๆ อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งอาจเกิดอาการของการเป็นตะคริวได้ ซึ่งตะคริวหมายถึง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงเกินไป ทำอวัยวะส่วนนั้นๆไม่สามารถใช้งานได้ปกติ โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นที่ขา และเมื่อเป็นตะคริวในน้ำ ให้พยายามยืดขาให้ตรงที่สุด แล้วพยายามเอาหัวแม่โป้งที่เท้าชี้กลับเข้าหาตัวให้มากที่สุด ก็จะรู้สึกดีขึ้น
จมน้ำกี่นาทีหมดสติ
คนปกติทั่วไป มักจะหมดสติเมื่ออยู่ใต้น้ำ 3 นาทีขึ้นไป ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับภาวะในร่างกายของแต่ละคน แต่ถ้าถามว่าจมน้ำกี่นาทีเสียชีวิต มักจะอยู่ที่ประมาณ 5-10 นาที หากตกน้ำจืดอาจอยู่ในช่วงเวลาเวลาประมาณ 3-4 นาที และในน้ำเค็มอาจอยู่ในช่วงเวลา 7-8 นาที โดยผู้ที่จมน้ำเสียชีวิตมักจะเกิดจากการสำลักน้ำ ทำให้ขาดอากาศหายใจ หรือภาวะเกร็งของกล่องเสียง จนทำให้หายใจไม่ได้
ในกรณีที่เราเห็นคนตกเรือ ตกน้ำ หรือจมน้ำ กำลังขอความช่วยเหลือ ให้รีบโยนสิ่งของที่สามารถเกาะเพื่อพยุงตัวได้ลงไปให้ เช่น เสื้อชูชีพ ห่วงยางชูชีพ ถังแกลลอน ฯลฯ พร้อมกับรีบโทรหาเบอร์ฉุกเฉินทันที ที่หมายเลข 1196 ( แจ้งอุบัติเหตุทางน้ำ) หรือ 1669 (หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน)
เมื่อไรก็ตามที่ต้องโดยสารทางเรือ หรือเล่นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำในสระน้ำ เล่นน้ำในทะเล หรือเล่นในน้ำในคลอง สิ่งแรกที่ควรมี คือความไม่ประมาท พึงระลึกอยู่เสมอว่า อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาโดยไม่มีใครคาดคิด ดังนั้นควรฝึกตนเองให้มีสติอยู่เสมอ เมื่อเกิดอะไรขึ้น สติจะช่วยไปแล้วครึ่งหนึ่ง และขอให้บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคน และช่วยลดความสูญเสียลงไปได้ไม่น้อยก็มาก