“งู” สัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง น้อยคนนักที่จะยินดีต้อนรับและดีใจหากเห็นงูเข้ามาใกล้บริเวณบ้านหรือที่อยู่อาศัยของเรา โดยเฉพาะคนกลัวงู คงได้ตกใจจนแทบหัวใจวาย ยิ่งช่วงหน้าฝนหรือน้ำท่วม จะได้ข่าวบ่อยมากว่ามีงูเข้าบ้านคน ทั้งงูมีพิษและงูไม่มีพิษ แล้วจะทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้งูเข้ามาเป็นแขกไม่ได้รับเชิญในบ้าน เราได้หาข้อมูลและวิธีการป้องกันงูเข้าบ้านมาฝาก แต่ก่อนอื่นเรามาดูถึงปัจจัยที่จะเพิ่มจุดสนใจให้คุณงูทั้งหลายอยากเข้ามาเยี่ยมเยียนกันถึงบ้านก่อนดีกว่า 

 

สาเหตุที่ทำให้งูเข้าบ้าน 

1.สภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นฤดูฝนหรือช่วงที่ฝนตกบ่อยๆ อากาศหนาว หรือน้ำท่วม ทำให้งูต้องหาที่อบอุ่นเพื่อซุกตัว หรือหลบภัยธรรมชาติ

 

2.มีแหล่งอาหาร อาจมีหนูชุกชุม หรือมีสัตว์เลี้ยงที่เป็นอาหารชั้นดีของงู เช่น นก ไก่ เป็ด ฯลฯ 

 

3.บ้านรายล้อมไปด้วยไม้รกครึ้ม เพราะหญ้ารก และไม้พุ่มที่อุดมสมบูรณ์ มักจะเป็นที่อยู่อาศัยและหลบซ่อนของงูได้เป็นอย่างดี 

 

4.ไม่มีสัตว์เลี้ยงเฝ้ายาม อย่างเช่น สุนัข เพราะสุนัขมักจะตื่นตัวและส่งเสียงด้วยการเห่าเมื่อมีสิ่งผิดปกติ หรือห่านที่มักจะส่งเสียงดังๆ ทำให้เจ้าของอาจสงสัยและระวังได้ทัน แต่ก็ต้องคอยระวังสัตว์เลี้ยงให้มาก เพราะอาจพลาดพลั้ง หรืออาจเป็นอาหารงูได้ เช่น ลูกสุนัข ลูกแมว หรือถ้างูขนาดใหญ่ ก็อาจเขมือบแมวตัวโตๆได้เช่นกัน 

 

5.บริเวณบ้านรกหรือมีมุมอับ บ้านที่มีโพรง หรือช่องให้งูเข้ามาซ่อนตัว เช่น ใต้หลังคา ฝ้าเพดาน ตู้ที่ไม่ค่อยใช้งาน และอาจทำการวางไข่ เพราะงูชอบพื้นที่ๆเงียบ และสถานที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมในการวางไข่ 

ช่องทางที่งูมักจะใช้เพื่อเข้าบ้าน 

1.ประตู ควรปิดประตูทุกครั้ง หากบ้านอยู่ในบริเวณที่ใกล้แหล่งธรรมชาติ เช่น ใกล้สวน ใกล้แหล่งน้ำ หรือเป็นบริเวณที่ลุ่ม มักมีน้ำท่วมขังบ่อย ก็ไม่ควรเปิดประตูทิ้งไว้ เพราะเป็นช่องทางที่งูเลื้อยเข้าได้ง่ายและสะดวก หลายครั้งที่มักจะเห็นคลิปงูเข้าบ้าน โดยการเลื้อยเข้าผ่านทางประตู ที่เจ้าของบ้านเปิดทิ้งไว้เชื้อเชิญอย่างไม่ตั้งใจ 

 

2.หน้าต่าง กรณีนี้ก็เป็นเหตุผลคล้ายกับประตู แม้ว่าจะเปิดเพื่อรับลม แต่ถ้าดูแล้วว่าบริเวณบ้านค่อนข้างเสี่ยง ก็อย่าเปิดทิ้งไว้ดีกว่า หรือติดตั้งมุ้งลวด จะได้เปิดหน้าต่างรับลมได้และยังป้องกันงูเข้าบ้านอีกด้วย 

 

3.ช่องลม ช่องลมรอบบ้าน เพราะแม้ว่าจะทำเพื่อเป็นการรับลมเข้าตัวบ้าน แต่ก็จะเป็นช่องทางให้แมลง สัตว์มีพิษ อย่างเช่น งู เข้าบ้านได้เช่นกัน ดังนั้นควรติดมุ้งลวดหรือตาข่ายกั้นไว้ เพื่ออนุญาตให้แต่ลมเข้าบ้านเท่านั้นจะดีกว่า 

 

4.รอยชำรุด-รอยร้าวของบ้าน ช่องโหว่ของบ้าน ก็เปิดโอกาสให้งูเข้าบ้านโดยที่เราไม่รู้ตัวได้เช่นกัน คอยหมั่นตรวจรอบบริเวณบ้านเพื่อหาช่องรอยร้าว รอยชำรุดของบ้าน เพื่อซ่อมแซม นอกจากจะเป็นการรักษาตัวบ้านแล้ว ยังช่วยปิดกั้นทางเข้าของแขกไม่ได้รับเชิญ

 

5.ชักโครก บ่อยครั้งที่คนพบเจองูในโถส้วม หรือนอนเฝ้าจับจองเป็นเจ้าของห้องน้ำแต่เพียงผู้เดียว เพราะโถส้วมมีช่องต่อระหว่างชักโครกกับบ่อพักปฏิกูล บ่อยครั้งที่งูเล็ดลอดไปในบ่อพักส้วม เพราะฝาท่อชำรุด แล้วอาจหาทางไม่ออก ทำให้งูเลื้อยไปทางท่อที่เชื่อมต่อกัน จนไปโผล่ในชักโครกที่อยู่ในบ้าน จึงควรหมั่นตรวจฝาบ่อพักส้วมว่าเปิดทิ้งหรือชำรุดหรือไม่ ติดตั้งตะแกรง หรือกล่องกันงู และอาจนำโซดาไฟคอยราดโถส้วม

วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน 

1.กำมะถัน แม้ว่ากำมะถันอาจจะใช้ไม่ได้ผล 100% หรือกันงูได้ทุกชนิด แต่กำมะถันมีกลิ่นฉุน ที่หลายคนเชื่อว่าเป็นกลิ่นที่งูไม่ชอบ จึงนำละลายน้ำแล้วเทหรืออาจโรยผงกำมะถันไว้รอบๆบริเวณบ้าน แต่วิธีนี้จะต้องทำบ่อยๆ เพราะกลิ่นกำมะถันอยู่ไม่นาน ยิ่งช่วงหน้าฝนหรือหากมีน้ำค้างที่อาจชะล้างกลิ่นออกไปหมด 

 

2.น้ำมันกลิ่นฉุน เช่น น้ำมันก๊าด น้ำมันสน หรือน้ำมันที่มีกลิ่นแรงๆฉุนๆ เทรอบๆบริเวณบ้าน ด้วยเหตุผลคล้ายๆกับกำมะถัน คือ กลิ่นฉุนของน้ำมันเหล่านี้จะทำให้งูไม่เข้าใกล้และเลื้อยหนีไป แต่น้ำมันจะมีกลิ่นที่ฉุนและกลิ่นอยู่ทนกว่ากำมะถัน แต่ก็ต้องคอยระวังเรื่องการติดไฟ โดยเฉพาะหากเป็นช่วงอากาศแห้งและไฟติดง่าย 

 

3.กรวดหรือหินก้อนเล็กๆ โรยรอบบริเวณบ้าน จะทำให้งูเลื้อยไม่สะดวก และพวกกรวดหรือหินเล็กๆมักจะมีรอยคม ทำให้งูเจ็บหรือเกิดบาดแผลได้ เมื่อเลื้อยไม่สะดวกก็เปลี่ยนใจไปที่อื่นแทน 

 

4.มุ้งลวด ติดมุ้งลวดกั้นทางเดิน ช่องหน้าต่าง ช่องลมต่างๆ เพื่อกันไม่ให้งูเลื้อยเข้าไปในบริเวณบ้านได้ 

 

5.ตาข่าย ติดตาข่ายกั้นตั้งแต่บริเวณที่น่าจะเป็นทางเลื้อยของงูไปจนถึงบริเวณบ้าน หรือติดเป็นรอบรั้วบ้านเลยก็ได้ ต้องเป็นตาข่ายตาชิดติดกันหรือตาข่ายดักปลา เพื่อป้องกันไม่ให้งูสามารถลอดผ่านเข้าไปได้ 

 

6.แผ่นกันงู เป็นอุปกรณ์ติดตามผนังหรือเสาไฟ เพื่อกันไม่ให้งูเลื้อยผ่าน ทำจากพลาสติก เมื่องูเลื้อยก็จะลื่นตกลงมา อาจทำให้งูหมดแรงและเลื้อยหนีไปทางอื่นแทน 

 

7.ทำความสะอาดบ้าน ทำความสะอาดบ้านสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้รก จนมีหนูเข้ามาอาศัยอยู่หรือมาหาอาหารจากเศษอาหารในบ้าน นอกจากจะก่อเชื้อโรคและสร้างความรำคาญแล้ว หนูยังเป็นอาหารชั้นดีที่จะเชื้อเชิญให้งูเข้ามาถึงในบ้าน และหมั่นตัดหญ้าอย่าให้ขึ้นรก เพราะจะเป็นที่หลบซ่อนงูได้เป็นอย่างดี ตรวจเช็คฝาท่อและท่อระบายน้ำบ่อยๆ เพราะจะเป็นช่องทางที่ให้งูเข้าบ้านด้วยช่องทางนี้ 

 

สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเรื่องความกลัวของงู งูไม่ได้กลัวต้นไม้ 5 ชนิด ที่เคยมีคนกล่าวอ้าง งูไม่ได้กลัวต้นจิงจูฉ่าย กุยช่ายม่วง ต้นดาวเรือง ต้นฟ้าทะลายโจร ต้นระย่อม และงูไม่ได้กลัวมะนาว แต่ถ้าเป็นต้นมะนาวที่มีหนาม อาจไม่อยากเลื้อยผ่านเพื่อให้หนามเกี่ยวไส้ไหลก็เท่านั้นเอง และงูก็ไม่ได้กลัวเชือกกล้วย ที่คนเข้าใจว่างูกลัวเชือกกล้วย จึงนำไปมัดตัวงู จริงๆแล้วเชือกกล้วยมีความเหนียวและทนทานมาก งูยิ่งดิ้นเชือกก็ยิ่งรัด ทำให้งูหมดแรงเพราะดิ้นไม่หลุดและเชือกยิ่งบีบรัด ไม่ใช่เพราะความกลัวเชือกใดๆ 

วิธีแก้ปัญหา เมื่องูเข้าบ้าน 

หากป้องกันทุกวิธีแล้ว งูยังสามารถเข้าบ้านได้ หรือไปเจองูด้วยความบังเอิญที่ไหนก็ตาม ให้ลองสังเกตประเภทงูก่อนว่า เป็นงูพิษหรืองูไม่พิษ ซึ่งงูพิษเข้าบ้านคนที่พบเจอได้บ่อย มักจะเป็นงูทับสมิงคลา งูสามเหลี่ยม งูกะปะ งูเขียวหางไหม้ งูเห่า หรือแม้กระทั่งงูจงอาง ก็มีคนเจอในบริเวณบ้าน และมีคนโดนงูกัดบนที่นอน จนเป็นข่าวมาแล้วหลายครั้ง ส่วนงูไม่มีพิษเข้าบ้านที่พบเจอได้บ่อย เช่น งูแสงอาทิตย์ งูหลาม งูเหลือม แต่แม้ว่า งูหลามและงูเหลือมจะเป็นงูไม่มีพิษ แต่ก็สามารถกินสัตว์เลี้ยงเราได้ทั้งตัว และคงไม่มีใคอยากให้เข้าบ้านอยู่ดี 

 

งูพิษมักจะมีหัวเป็นสามเหลี่ยม คล้ายหัวลูกศร ดวงตามักจะเป็นแนวขวาง หรือมีการแผ่แม่เบี้ย ในขณะที่งูไม่มีพิษ จะมีหัวค่อนข้างกลมกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นงูพิษหรือไม่มีพิษ ก็ไม่ควรพยายามจับงูด้วยตนเอง ควรอยู่นิ่งๆหรือเคลื่อนไหวช้าๆ เพราะการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อาจทำให้งูตกใจหรือระแวงจนทำอันตรายเรา หรือเลื้อยหนีไปหลบซ่อนในมุมอื่นของบ้าน โดยเราอาจหาไม่เจอ และหากงูหลบหรืออาศัยอยํู่ในบริเวณบ้าน กลิ่นสาบงูก็จะเรียกพรรคพวกงูให้มาเพิ่มเสริมทัพเข้าไปอีก และหากตีงูตาย กลิ่นเลือดงูก็อาจเรียกงูด้วยกันมาอีกเรื่อยๆ 

 

คอยจับตามองงูไว้ ไม่ว่างูจะเคลื่อนไหวไปไหน อย่าให้คลาดสายตา ถอยออกมาช้าๆ ให้พ้นรัศมีที่งูจะทำอันตรายได้ และติดต่อศูนย์หรือเจ้าหน้าที่กู้ภัย ผู้ที่มีความชำนาญ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 199 , 1677 หรือ 1669 และระหว่างรอเจ้าหน้าที่ ต้องจับตาคอยดูงูไว้ตลอด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่เมื่อมาถึง จะได้รู้ตำแหน่งและสามารถดำเนินการได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาในการตามหา 

 

นี่คือวิธีป้องกันงูเข้าบ้านคร่าวๆที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ไม่ยาก หากบ้านไหนกำลังกลุ้มใจเรื่องที่มักจะมีงูเข้าบ้าน หรืออาจดูแล้วค่อนข้างสุ่มเสี่ยงว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยือนได้ ก็ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูกันนะคะ และจดหมายเลขติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้เลย เผื่อกรณีฉุกเฉินจะได้ทำการติดต่อได้ทันที และที่สำคัญ อย่า!! พยายามทำร้าย ไล่ หรือจับงูด้วยตนเองเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นงูชนิดใดก็ตาม เพราะความเสียหายที่จะตามมาอาจจะไม่คุ้มที่จะเสี่ยง