ปลายปีก่อนถึงปีใหม่ หรือทุก ๆ วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ชาวคริสตชนทั้งหลาย รวมไปถึงคนไทยชาวพุทธอย่างเรา ๆ ต่างก็เฝ้ารอ เทศกาลแห่งความสุข ที่มีแต่ความรื่นเริง และสนุกสนาน ซึ่งก็คือ “วันคริสต์มาส” เป็นวันสำคัญของผู้นับถือศาสนาคริสต์ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันประสูติพระเยซู ศาสดาแห่งคริสตศาสนา โดยวันคริสต์มาสจะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เพื่อต้อนรับช่วงเวลาแห่งความสุข และวันสิ้นปีก่อนจะเริ่มปีใหม่พร้อมกันทั่วโลก อีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ของชาวคริสต์ คือ การแต่งบ้านและประดับต้นคริสต์มาส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาสที่เราคุ้นเคยกันดี
การจัดบ้านเพื่อต้อนรับเทศกาลดังกล่าว ด้วยการตกแต่งต้นคริสต์มาส เดิมทีเป็นวัฒนธรรมของคริตชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชาวยุโรป แต่คนไทยเพิ่งจะเริ่มมาเปิดรับ และนิยมประดับตกแต่งบ้านด้วยธีมคริสต์มาส สำหรับใครที่ต้องการจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสัญลักษณ์ของเทศกาลคริสต์มาสมีอะไรบ้าง เพื่อนำไปใช้แต่งบ้านบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
ความสำคัญของต้นคริสต์มาส
ต้นคริสต์มาสมีกี่สายพันธุ์
ต้นไม้ที่นิยมนำมาทำเป็นต้นคริสต์มาส คือ ต้นสน ซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ด้วยกัน เช่น ต้นสนพันธุ์ Balsam , สนพันธุ์ Colorado Blue Spruce , สนพันธุ์ Douglas , สนพันธุ์ Fraser และ ต้นสนพันธุ์ Scotch pine โดยแต่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ Balsam หรือ สายพันธุ์บอลซั่ม เป็นต้นสนหรือต้นคริสต์มาสที่หอมที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันมีการนำต้นคริสต์มาสปลอมมาใช้แทนต้นคริสต์มาสจริง เพื่อจะเก็บไว้ใช้อีกในปีต่อ ๆ ไป ซึ่งความแตกต่างระหว่างต้นสนจริงและต้นสนปลอม คือ กลิ่น เนื่องจากต้นสนจริงจะมีกลิ่นธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของใบสน ที่ต้นคริสต์มาสเทียมเลียนแบบไม่ได้
ทำไมใช้ต้นสนทำเป็นต้นคริสต์มาส
การที่นิยมใช้ต้นสนเป็นต้นคริสต์มาส เนื่องจากว่า การเจริญเติบโตของต้นสนมีลักษณะเป็นทรงสามเหลี่ยม เรียงเป็นชั้นสวยงาม เหมาะแก่การใช้ประดับตกแต่งด้วยสิ่งของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกบอล หลอดไฟกระพริบ ตุ๊กตา และสิ่งของที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาส และประเทศโซนยุโรป รวมไปถึงประเทศที่มีความเชื่อในการจัดงานคริสต์มาสมีต้นสนมากมาย หาได้ง่าย ชาวคริสต์จึงนิยมนำต้นสนมาทำเป็นต้นคริสต์มาสนั่นเอง
อีกเหตุผลสำคัญที่ชาวคริสต์เลือกที่จะใช้ต้นสนมาตกแต่งเป็นต้นคริสต์มาส เป็นเพราะตามหลักความเชื่อทางศาสนาคริสต์ ต้นสน คือ ต้นไม้ต้องห้ามแห่งสวรรค์ และเป็นต้นแห่งกำเนิดมนุษย์ เริ่มจากที่อดัมและเอวาได้เด็ดผลไม้จากต้นไม้ต้องห้าม ทำให้พระเจ้าพิโรธจากการละเมิดคำสั่งของทั้ง 2 คน จึงสาปให้อดัมและเอวาไปเกิดเป็นมนุษย์ การจัดแต่งต้นคริสต์มาส จึงเป็นเสมือนการเตือนความจำของการละเมิดความผิดบาปของมนุษย์ที่มีต่อพระเจ้า
ของตกแต่งต้นคริสต์มาสที่นิยมกันทั่วไปมีอะไรบ้าง
1. ดอกคริสต์มาส
ดอกคริสต์มาส มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอังกฤษ โดยที่ดอกคริสต์มาสจะบานในช่วงฤดูหนาว และพบได้ตามเทือกเขาตอนกลางในยุโรป นอกจากนี้ ยังมีตำนานความเป็นมาของดอกคริสต์มาสไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระเยซูประสูติ อาจารย์ผู้รอบรู้ 3 ท่านได้เดินทางมาเข้าพบ โดยมีของขวัญมามอบให้ด้วย แต่ระหว่างนั้น มีสาวเลี้ยงแกะชื่อ มาเดลอน ได้เห็นอาจารย์ทั้ง 3 มีของขวัญมาด้วยก็น้ำตาไหล เพราะเธอไม่มีสิ่งใดจะมอบถวายแก่เยซูเจ้า นางฟ้าที่เฝ้ามองดูอยู่ จึงรู้สึกสงสาร และได้ร่ายมนต์ให้มีดอกไม้ขึ้นมาท่ามกลางหิมะ ซึ่งดอกสีขาวและมีสีชมพูที่ปลายกลีบ คือ ดอกคริสต์มาส หรือที่รู้จักในชื่อของ Helleborus Niger Christmas Rose ข้าง ๆ มาเดลอน เพื่อให้เธอได้นำไปมอบแก่พระเยซู โดยดอกคริสต์มาส มีความหมายเสมือนเป็นตัวแทน ความศรัทธา ความรักที่บริสุทธิ์ แก่พระเยซูเจ้า นั่นเอง
2. ระฆังวันคริสต์มาส
เสียงระฆัง คือ การป่าวประกาศให้รู้ว่า ห้วงเวลาแห่งความสุข และเทศกาลเฉลิมฉลองได้เริ่มต้นแล้ว และส่งต่อความสุขให้กับคนที่รัก และจากความเชื่อที่ว่า เสียงระฆังดังก้องกังวานในคืนก่อนคริสต์มาส ซึ่งเป็นคืน Christmas Eve เพื่อต้อนรับการประสูติของเยซูเจ้า ช่วยลดพลังความชั่วร้ายได้ ชาวคริสต์จึงนิยมนำระฆังเล็ก ๆ หรือกระดิ่งมาประดับต้นคริสต์มาสเรื่อยมา
3. ดวงดาว
สำหรับชาวคริสต์แล้ว ดาวที่ถูกประดับบนต้นคริสต์มาส นำมาจากความเชื่อตามบัญญัติในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “The bright and morning star” นอกจากนี้ ดาวคริสต์มาส ยังมีความสำคัญตามตำนาน ว่าแสงสว่างของดวงดาวที่สุดบนฟ้าในคืนที่พระเยซูทรงประสูติ ได้นำทางโหราจารย์ และกษัตริย์ 3 พระองค์ ได้มาพบสถานที่ประสูติเยซูเจ้า ซึ่งดาวดวงนั้นถูกเรียกว่า Star of Bethlehem และมีการนำดาวมาประดับต้นคริสต์มาส เพราะเปรียบดาวเสมือนแสงสว่างแห่งพระเยซู ช่วยนำทางในความืด และเป็นตัวแทนแห่งความศรัทธาของมนุษย์ จึงทำให้กษัตริย์และโหราจารย์ได้มาพบพระเยซูคริสต์ในคืนวันประสูติ
4. เครื่องประดับและแอปเปิ้ล
เครื่องประดับและแอปเปิ้ล (Baubles and Apples) มักจะถูกนำมาประดับต้นคริสต์มาส โดยมาจากตำนานอดัมและเอวาได้เด็ดลูกแอปเปิลจากต้นไม้ต้องห้าม ในสวนเอเดนบนสวรรค์ และแอปเปิลจำลอง รวมไปถึงเครื่องประดับจิ๋ว ๆ ทั้งหลาย ถูกแสงเทียนหรือแสงไฟกระทบ จะเกิดการสะท้อนแสงไปมา เพิ่มความสวยงามให้กับต้นคริสต์มาสให้น่าดูและน่ามองมากยิ่งขึ้น
5. ถุงเท้า
ถุงเท้า หรือ Christmas sock คือ ถุงเท้าที่เด็ก ๆ และผู้คนใช้แขวนไว้บริเวณเหนือเตาผิง หากบ้านไหนไม่มีเตาผิง ก็มักจะแขวนไว้ตรงปลายเตียง เพื่อให้ซาสตาคลอส (Santa Claus) นำของขวัญใส่ไว้ถุงเท้า ซึ่งมาจากความเชื่อในเรื่องเล่าเกี่ยวกับนักบุญนิโคลัส (Saint Nicholas) ที่ได้นำทองไปหย่อนลงปล่องไฟ เพราะต้องการช่วยเหลือครอบครัวหนึ่ง ซึ่งพวกเขามีฐานะยากจนมาก แต่ทองกลับกระเด็นไปตกลงในถุงเท้าที่แขวนผึ่งไฟเหนือเตาผิง และเมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาพบทองในถุงเท้า เรื่องราวนี้ก็ได้แพร่กระจายออกไป ทำให้มีผู้คนนำถุงเท้าแขวนเหนือเตาผิง เพื่อหวังจะได้รับของขวัญบ้าง จนกลายเป็นการทำต่อ ๆ กันเรื่อยมา ซึ่งปัจจุบันถุงเท้าก็ได้กลายมาเป็นของตกแต่งที่เป็นสัญลักษณ์วันคริสต์มาส อีกชิ้นหนึ่งในการแต่งบ้านต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขกันแทบทุกบ้านนั่นเอง
สีที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสต์มาสมีอะไรบ้าง
Christmas Colors หรือสีประจำเทศกาลคริมต์มาส ได้แก่
- สีแดง จากผลฮอลลี่ และ ซานตาครอส โดยสีแดง หมายถึงไฟ เลือด และ ความโอบอ้อมอารี
- สีเขียว จากสีของต้นไม้ โดยสีเขียว หมายถึง ความอ่อนเยาว์ ความหวัง และ ความเป็นนิรันดร
- สีขาว จากสีของหิมะ และ สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ ความสุข ความรุ่งเรือง
- สีทอง จากสีเทียน และ สีของดวงดาว ซึ่งสีทองเป็นสัญลักษณ์แสงอาทิตย์ ความสว่างไสว สีของดวงดาว สีของเทียน และ หลอดไฟ
หวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากในบทความนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเลือกซื้อของตกแต่งธีมคริสต์มาส ประดับบ้านเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขพร้อมกับคนที่รักได้อย่างสุขใจ Merry Christmas & Happy New Year!